วันอังคารที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2556








อุทยานแห่งชาติภูซา เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น อยู่ในเขตกิ่งอำเภอภูซาง อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นแนวเขตยาวประมาณ 30 กิโลเมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 178,049 ไร่ พื้นที่ดังกล่าวเป็นป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ พันธุ์ไม้ที่มีค่า ได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตะเคียน จำปีป่า ยมหอม ประดู่ สัก และรัง เป็นต้น พื้นที่มีลักษณะเป็นเทือกเขาสูงสลับซับซ้อน มียอดเขาดอยผาหม่น ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำลาว น้ำเปื่อย น้ำบง และน้ำญวณ เพื่อใช้หล่อเลี้ยงพื้นที่เกษตรกรรมของอำเภอเชียงคำ กิ่งอำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย นอกจากธรรมชาติที่สมบูรณ์ บริเวณอุทยานฯ ยังมีเต่าปูลู ซึ่งเป็นเต่าพันธุ์ที่หายากและใกล้สูญพันธ์ มีขนาดเล็ก ตัวเตี้ย หางยาว และด้วยเป็นเต่าพันธุ์หัวโต ขาทั้ง 4 ข้างและหางไม่สามารถหดเข้ากระดองได้ เวลามีศัตรูหรือภัยมา โดยเฉพาะเวลาเกิดไฟไหม้ป่าจะพบเต่าปูลูถูกไฟไหม้ตายเป็นประจำ เต่าปูลูจึงถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์ในการป้องกันไฟป่าของเมืองไทย เต่าปูลูเป็นเต่าที่ชอบอยู่ในป่าอุดมสมบูรณ์บนภูเขาสูงใกล้น้ำตก หรือลำห้วยที่มีน้ำใสไหลผ่านตลอดเวลา สามารถชมเต่าพันธุ์นี้ได้ในเวลากลางคืนขณะ กำลังออกหากิน






 
สถานที่น่าสนใจของอุทยานฯ
ถ้ำยางวีเป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่อยู่ภายในอุทยานฯ มีหินงอกหินย้อยสวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาว เม่นและเลียงผา การเดินทางเข้าไปชมต้องใช้ไฟฉายหรือคนถือไฟนำทางเข้าไป ไม่ไกลจากบริเวณถ้ำยางวีจะมีป่าที่มีลักษณะเป็นป่าเต็งรังผสมสนสองใบเรียกว่าป่าพระบาทยางวี มีธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวแบบเดินป่าพักค้างแรม
ทุ่งกิ๊กอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 15 กิโลเมตร มีลักษณะเป็นทุ่งหญ้าธรรมชาติกว้างใหญ่ อยู่ทางทิศตะวันออกของอุทยานฯ และที่ราบเนินเขาปกคลุมด้วยทุ่งหญ้าสลับป่าเต็งรัง มีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าจำพวกเก้ง กวาง กระต่าย นก และไก่ป่าชนิดต่างๆ กิจกรรมดูนกเป็นที่นิยมมาก นักท่องเที่ยวสามารถมาตั้งแค้มป์พักพักแรมบริเวณทุ่งกิ๊กได้ ในช่วงประมาณเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม กล้วยไม้ป่ากว่า 20 ชนิด จะบานสะพรั่งสวยงามมาก
น้ำตกก้อหลวงอยู่ห่างจากที่ทำการประมาณ 22 กิโลเมตร และเดินเท้าอีก 500 เมตร เป็นน้ำตกหินปูนที่เกิดจากลำน้ำในห้วยแม่ก้อ ไหลผ่านหินดินดานเทาดำและหินทรายของหน้าผาที่มีความสูงต่างระดับลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 7 ชั้น เนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นหินปูน จึงทำให้บริเวณน้ำตกมีหินงอกหินย้อยสวยงามตามธรรมชาติ และยังมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีเขียวใส มีปลาอาศัยอยู่มากมาย
แก่งก้ออยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร หมู่ 4 ตำบลก้อ ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 23 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของหน่วยพิทักษ์ป่า (หน่วยที่ 2) แก่งก้อเป็นเวิ้งน้ำขนาดใหญ่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบแม่น้ำปิง นักท่องเที่ยวสามารถมาพักเรือนแพ นั่งเรือชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำปิงซึ่งมีเขาหินปูนถูกกัดเซาะ เกิดหินงอกหินย้อยอย่างงดงาม ตามเส้นทางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีก เช่น น้ำตกอุ้มปาด โรงเรียนเรือนแพ ถ้ำช้างร้อง วัดพระธาตุแก่งสร้อย ซึ่งตำนานเล่าว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรเมืองสร้อยอายุกว่า 800 ปี มีเจ้าเมืองปกครองสืบต่อกันมาหลายยุคสมัยและมีพญาอุดมเป็นผู้ปกครองเมืองคนสุดท้าย จากนั้นเมืองสร้อยก็จมอยู่ในท้องน้ำ ยังคงมีซากกำแพงเก่าให้เห็นอยู่ ส่วนเจดีย์ชำรุดตามกาลสมัย เส้นทางนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางต่อเพื่อชมบริเวณหน้าเขื่อนภูมิพลได้อีกด้วย

สามารถเดินทางไปตามหลวงหมายเลข 106 (สายลำพูน - ลี้) บริเวณกิโลเมตรที่ 47 แล้วเข้าทางหลวงหมายเลข 1087 (สายลี้ – ก้อ) บริเวณกิโลเมตรที่ 20 – 21 ก็ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง เดิมนั้นเป็นป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่หาด - แม่ก้อ ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอุทยานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2524 มีพื้นที่ 1,003 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่อำเภอดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน และอำเภอสามเงา จังหวัดตาก ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแม่ปิง ตั้งอยู่ในท้องที่ตำบลแม่ลาน อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง มีพื้นที่บางส่วนเป็นลำน้ำปิงซึ่งยาวประมาณ 140 กิโลเมตร และสองฝั่งแม่น้ำเป็นเกาะแก่ง หน้าผา หินงอก หินย้อย การเดินทางท่องเที่ยวลำน้ำปิงสามารถเริ่มจากอ่างเก็บน้ำดอยเต่า จังหวัดเชียงใหม่ โดยใช้เรือหางยาว แล้วมาต่อแพที่แก่งสร้อย ล่องมาจนถึงเขื่อนภูมิพล อำเภอสามเงา จังหวัดตาก ในทางกลับกันอาจจะเช่าเรือหรือแพจากเขื่อนภูมิพลล่องขึ้นไปก็ได้

ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติผาแดง คนไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท







อนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือ ประดิษฐานอยู่ที่สวนสาธารณะเทศบาลเมืองพะเยา (สวนสมเด็จย่า 90) หน้ากว๊านพะเยา อดีตกษัตริย์ผู้ปกครองเมืองภูกามยาวลำดับที่ 9 ระหว่างปี พ.ศ. 1801-1841 เป็นยุคที่เจริญรุ่งเรืองมาก พระองค์เป็นพระสหายร่วมน้ำสาบานกับพ่อขุนเม็งรายแห่งเมืองเชียงราย และพ่อขุนรามคำแหงแห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งทั้งสามพระองค์ได้กระทำสัตย์ต่อกัน ณ แม่น้ำอิง บริเวณสถานีประมงน้ำจืดพะเยา พ่อขุนงำเมืองเป็นผู้ทรงอิทธิฤทธิ์กล่าวกันว่าเมื่อพระองค์เสด็จไปทางไหน “แดดก็บ่อฮ้อน ฝนก็บ่อฮำ จักให้แดดก็แดด จักให้บดก็บด” จึงได้พระนามว่า “งำเมือง”






อุทยานแห่งชาติขุนน่าน หมายถึง ขุนเขา ลำน้ำ อันเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติดอยภูคา และป่าผาแดง บริเวณท้องที่ต.ดงพญา ต.บ่อเกลือใต้ และต.ภูฟ้า อ.บ่อเกลือ จ.น่าน มีเนื้อที่ประมาณ 248.6 ตร.กม. หรือประมาณ 155,375 ไร่ มีสภาพป่าอันอุดมสมบูรณ์ มีน้ำตกหลายแห่ง และมีจุดเด่นที่สวยงาม ที่สำคัญพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็ฯแหล่งต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน มียอดดอยผีปันน้ำในเทือกเขาผีปันน้ำ ในต.ดงพญา เป็นดอยที่สูงที่สุด มีอาณาเขตด้านทิศตะวันออกติดต่อสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สภาพภูมิอากาศโดยเฉลี่ยวอยู่ที่ 1-7 ํc ในฤดูหนาว ส่วนฤดูร้อนมีอุณหภูมิระหว่าง 22-28ํc  แลฤดูฝนมีอุณหภูมิเฉลี่ยว 20-25 ํc
จุดเด่นและแหล่งท่องเที่ยว
น้ำตกสะปัน อยู่ที่บ้านสะปัน หมู่ที่ 1 ต.ดงพญา น้ำตกอยู่ในลำน้ำสะปัน ลักษณะเป็นน้ำตกขนาดกลางมี 3 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าถึงน้ำตกได้ง่ายเพราะอยู่หางจากที่ว่าการอ.บ่อเกลือ ระยะทางประมาณ 10 กม. รถยนต์เข้าถึงสะดวก และเดินต่อไปอีก 700-800 เมตร
น้ำตกห้วยตี๋ อยู่ที่บ้านบง หมู่ที่ 14 ต.บ่อเกลือใต้ น้ำตกห้วยตี๋อยู่ในลำห้วยตี๋ เป็นน้ำตกขนาดกลางมี 6 ชั้น มีน้ำไหลตลอดปี สภาพเส้นทางเข้าถึงน้ำตกต้องเดินเท้าและระยะทางค่อนข้างไกล
น้ำตกบ้านเด่น อยู่ที่บ้านเด่น บ้านบริวารของบ้านสะปัน หมู่ที่ 1 ต.ดงพญา น้ำตกอยู่ในลำห้วยนัวะ เป็ฯน้ำตกขนาดกลางเล็กกว่าน้ำตกสะปัน มี 3 ชั้น มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีความสวยงามทางธรรมชาติปานกลาง การเข้าถึง ต้องเดินเท้าจากบ้านสะปันไปประมาณ 3 กม.
น้ำตกห้วยห้า อยู่ที่บ้านนาบง หมู่ที่ 14 ต.บ่อเกลือใต้ น้ำตกอยู่ในห้วยห้า เป็ฯส้ำตกขนาดกลางมี 3 ชั้นใหญ่ ความสูงของน้ำตกชั้นที่ 1,2 และ 3 สูงประมาณ 8.12 และ 50 เมตร มีน้ำไหลตลอดทั้งปี เป็นน้ำตกที่มีความงามตามธรรมชาติอย่างยิ่ง โดยเฉพาะน้ำตกชั้นที่ 3 (ตาดผาแดง) ซึ่งมีความสุงของขั้นน้ำตกประมาณ 50 เมตร น้ำตกเป็นชั้นแบบชั้นบันได รวม 5 ชั้น น้ำตกกระจายสวยงาม สภาพป่าในบริเวณน้ำตกร่มรื่น สมบูรณ์สวยงามมาก

การเดินทาง

รถยนต์ส่วนตัว จากตัวเมืองน่าน ใช้เสันทางหลวงหมายเลข 1080 (น่าน-ทุ่งช้าง) ประมาณ 59 กม. ถึงอ.ปัว แยกขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว-ดอยภูคา-บ่อเกลือ) ประมาณ 46 กม. ถึงทางแยกที่ อ.บ่อเกลือ เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง (บ่อเกลือ-เฉลิมพระเกียรติ) เป็นระยะทาง ประมาณ 6 กม. มีทางแยกขวามือเป็นทางลูกรังเข้าที่ทำการชั่วคราว อุทยานแห่งชาติขุนน่าน ระยะทางประมาณ 500 เมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชม.30 นาที
รถประจำทาง จากอ.เมืองน่าน นั่งรถสายน่าน-ปัว แล้วต่อรถสายปัว-บ่อเกลือ ลงที่อ.บ่อเกลือ แล้วต่อรถสายบ่อเกลือ-เฉลิมพระเกียรติ รถผ่านหน้าอุทยานแล้วเดินเท้าเข้าไปอีก 500 เมตร
สิ่งอำนวยความสะดวก
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน มีบ้านพักและลานกางเต็นท์ไว้บริการนักท่องเที่ยว ติดต่อที่ หมู่ 5 ต.ผาสิงห์ อ.เมือง จ.น่าน 55000 โทร. 0 1960 5507 หรือ www.dnp.go.th 

วัดพระธาตุช่อแฮ  แพร่





วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวง เป็นวัดที่ตั้งอยู่เนินเขาเตี้ยสูงประมาณ 28 เมตร องค์พระธาตุช่อแฮเป็นเจดีย์ ศิลปะเชียงแสน แบบแปดเหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสองบุด้วยทองดอกบวบหรือทองจังโก องค์พระธาตุสูง 33 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมกว้างด้านละ 11 เมตร ลักษณะองค์พระธาตุตั้งอยู่บนฐานเขียงสี่เหลี่ยม 1 ชั้น ถัดขึ้นไปเป็นฐานหน้ากระดานแปดเหลี่ยม3 ชั้นรองรับ ถัดไปเป็นฐานบัวคว่ำ และชุดท้องไม้แปดเหลี่ยมซ้อนลดชั้นกันขึ้นไป 7 ชั้น จากนั้นเป็นบัวระฆัง 1 ชั้น และหน้ากระดานหนึ่งชั้นจนถึง องค์ระฆัง แปดเหลี่ยมถัดขึ้นไปเป็นบัลลังค์ย่อมุมไม้สิบสองและปล้องไฉนส่วนยอดฉัตรประดับ ตกแต่งด้วยเครื่อง บนแบบล้านนา มีรั้วเหล็ก รอบองค์พระธาตุ 4 ทิศ มีประตูเข้าออก 4 ประตู แต่ละประตูได้สร้างซุ้มแบบปราสาทล้านนาไว้อย่างสวยงาม ทุกปีจะมีประเพณีการไหว้พระธาตุช่อแฮเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เดิมจะจัด 5 วัน 5 คืน ได้เปลี่ยนแปลงเป็น 7 วัน 7 คืน วันแรกของงาน จะเริ่มขึ้นในวันขึ้น 9 ค่ำเดือน 6เหนือ เดือน 4 ไต้ของทุกปีซึ่งถือว่าการจัดงานไหว้พระธาตุช่อแฮ ยึดถือตาม จันทรคติเป็นหลัก ประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่ แห่ตุงหลวง ในการจัดงานมีขบวนแห่อันยิ่งใหญ่ประกอบ ไปด้วยริ้ว ขบวนของทุกอำเภอ การฟ้อนรำ ขบวนช้างเจ้าหลวง และเครื่องบรรณาการ ขบวนแห่กังสดาลขบวนแห่หมากเป็ง ขบวนต้นผึ้ง ขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระธาตุ 12 ราศี ซึ่งประกอบด้วยขบวนตุง 12 ราศรี ขบวนข้าวตอกดอกไม้ ต้นหมาก ต้นผึ้ง ต้นดอก ขบวนแห่ผ้าห่มองค์พระธาตุ 12 ราศรี ขบวนกังสดาล ขบวนตุงขบวนฟ้อนรำีการเทศน์และมีการเทศน์และฟังเทศน์มหาชาติ มหาเวสสันดรชาดก ทั้งกลางวันและกลางคืน สำหรับกลางคืนมีมหรสพสมโภชตลอดงาน
- พระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีขาล
พระธาตุช่อแฮ พระธาตุประจำปีเกิดปีเสือ (ปีขาล) พระธาตุช่อแฮ เป็นพระธาตุ1 ใน12 ราศี คือ เป็นพระธาตุประจำปีเกิด สำหรับคน ที่เกิดปีเสือ (ปีขาล) หากนำผ้าแพรสามสีไปถวายจะทำให้ชีวิตมีพลังคุ้มครองป้องกันศัตรูได้ การสวดและไหว้ ให้เริ่มต้นนะโม 3 จบ แล้วสวดตามด้วยคาถาบูชาพระธาตุ 5 จบ พลังบารมีจะดลบันดาลให้มีชีวิตที่ดีขึ้น พระธาตุช่อแฮ หมายถึง เจดีย์บรรจุพระบรม สารีริกธาตุพระศอกซ้ายและพระเกศาธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและประดับบูชาด้วยผ้าแพรอย่างดี
- หลวงพ่อช่อแฮ
เป็นพระประธานประดิษฐานในพระอุโบสถ ศิลปะล้านนา เชียงแสน สุโขทัย สันนิฐานว่า สร้างขึ้นหลังจากสร้าง องค์พระธาตุช่อแฮ แล้ว มีอายุหลายร้อยปี หน้าตักกว้าง 3.80 เมตร สูง 4.50 เมตร ก่อสร้างด้วยอิฐโบกปูน ลงรักปิดทองพระเจ้าทันใจและ ไม้เสี่ยงทาย
พระเจ้าทันใจหรือหลวงพ่อทันใจ เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิปูนปั้น ลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง 30 นิ้ว สูงประมาณ 2 ศอก (กว้าง 80 ซม. สูง 1.20 ซม) เป็นพระพุทธรูปองค์ใหม่ที่สร้างขี้นเมื่อปี พ.ศ. 2465ผู้สร้างคือ ชาวไทยใหญ่ (เงี้ยว) สร้างพระพุทธรูป องค์นี้ แทนพระพุทธรูปองค์เดิมที่หล่อด้วยจืน (ตะกั่ว) ที่ถูกลักไป พระเจ้าทันใจหรือหลวงพ่อทันใจ (ทางเหนืออ่านว่า พระเจ้าตันใจ๋) เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีผู้นิยมมากราบไหว้ บนบานศาลกล่าวอยู่เสมอ เชื่อว่าเป็นพระพุทธรูปที่ใครมาขอพรแล้ว จะได้สิ่งนั้น อย่างสมประสงค์ ด้านหลังซุ้มพระเจ้าทันใจประดิษฐานอยู่ มีไม้เสี่ยงทายทำด้วยไม้รวก หรือไม้สัก มีความยาวเกิน 1 วา คาดว่าใช้ แทน ไม้เซียมซี เมื่อผู้ใดต้องการเสี่ยงทายสิ่งใด ก็จะนำไม้ดังกล่าวมาทาบกับช่วงแขนที่กางเหยียดตรงไปจนสุดแขนทั้งสองข้าง ความยาวของวาอยู่ตรงจุดใดของไม้ก็จะ ทำเครื่องหมายไว้แล้วนำไม้มาอธิษฐานเบื้องหน้าพระเจ้าทันใจว่า สิ่งที่ตนประสงค์นั้น จะสำเร็จหรือไม่ หากสำเร็จก็ขอให้ความยาวของตนเลยจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ออกไป เมื่ออธิฐานเสร็จแล้ว ก็นำไม้เสี่ยงทายขึ้น มาวาอีกครั้งหนึ่ง
- พระพุทธโลกนารถบพิตร และวิหารศิลปะล้านนาประยุกต์
เป็นพระพุทธรูปปางพระนาคปรก ประดิษฐานอยู่ในวิหารศิลปะลานนาประยุกต์ ภายในมีภาพจิตกรรมฝาผนังอย่างสวยงาม สร้างขึ้น ในปี 2534 โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร ป.ธ.9) เป็นประธานเททองหล่อและเบิกพระเนตร องค์พระขนาดหน้าตักกว้าง 3.60 เมตร สูง 7 เมตร สร้างด้วยโลหะทองเหลือง ลงรักปิดทอง - พระเจ้าไม้สัก
สร้างด้วยไม้สักทอง หน้าตักกว้าง 33 นิ้ว สูง 87 นิ้ว เป็นศิลปสมัยลานนา
- พระเจ้านอน
เป็นพระพุทธรูปที่ชาวจังหวัดแพร่เคารพนับถือ ก่อนจะขึ้นไหว้องค์พระธาตุช่อแฮ ชาวบ้านมักจะแวะไหว้พระเจ้านอนก่อนเสมอ สร้าง เมื่อขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 2459 เป็นพระเจ้านอนศิลปะพม่าขนาดยาว 3.70 เมตร สูง 1.35 เมตร ก่อสร้างด้วยอิฐโบกปูน ลงรักปิดทอง
- ธรรมมาสน์โบราณ
ธรรมมาสน์โบราณ มีความสวยงามวิจิตรบรรจง ลวดลายไทยผสมศิลปะทางล้านนา ซึ่งมีนางแก้ว ทองถิ่น สร้างอุทิศให้ นายคลอง ทองถิ่น เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2492 ก่อสร้างด้วยไม้สักแกะสลัก ลงรักปิดทอง
- กรุอัฐิครูบาศรีวิชัย
บรรจุอัฐิธาตุส่วนที่ 5 จากจำนวน 7 ส่วนของครูบาศรีวิชัย สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกบุญคุณที่ท่านได้ทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา
- บันไดนาคโบราณ
ภายในวัดพระธาตุช่อแฮมีบันไดนาค อยู่ 4 ด้าน และบันไดสิงห์ 1 ด้าน รวม 5 บันได ซึ่งล้วนมีความยาวและจำนวนขั้นไม่เท่ากัน
- เจ้ากุมภัณฑ์
มีความเชื่อว่า นาคที่เฝ้าบันไดกุมภัณฑ์ ด้านทิศตะวันออกขององค์พระธาตุช่อแฮ ชอบหนีออกไปเล่นน้ำที่ลำน้ำแม่สาย หมู่บ้านใน เป็นประจำ ชาวบ้านจึงสร้างเจ้ากุมภัณฑ์นั่งทับขดหางนาคไว้ เพื่อมิให้หนีไปเล่นน้ำอีก
- แผ่นศิลาจารึก
ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าพระเจ้าทันใจ จารึกเรื่องราวการสร้างบันไดด้านทิศตะวันตก
- สวนรุกขชาติช่อแฮ
ตั้งอยู่ที่ดินของวัด มีพื้นที่ 52 ไร่ เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจและศึกษาพันธุ์ไม้ มีต้นไม้นานาพันธุ์กว่า 1,000 ชนิด
เริ่มตั้งแต่สี่แยกบ้านทุ่งอำเภอเมืองแพร่ ซึ่งเป็นสี่แยกใจ กลางเมืองแพร่ เข้าสู่ถนนช่อแฮ และตรงไปตามถนนช่อแฮ ผ่าน โรงพยาบาลแพร่สนามบินจังหวัดแพร่ หมู่บ้านเหล่า หมู่บ้านนา จักรหมู่บ้านแตหมู่บ้านมุ้งสถานที่ตั้งของ วัดพระธาตุช่อแฮ พระอารามหลวงอยู่ในบริเวณเขตเทศบาลตำบลช่อแฮ ด้วยระยะทาง 9 กิโลเมตร จากตัวเมืองจังหวัดแพร่






วัดร่องขุ่น วัดชื่อดังที่ประดับตกแต่งด้วยลวดลายการวาด ปั้น และกระจกอย่างสวยงาม ภาพวาดภายในอุโบสถงานสถาปัตยกรรมอันเกี่ยวโยงถึงนรกและ สวรรค์ โดยฝีมืออาจารย์เฉลิมชัย โฆษิต-พิพัฒน์ ศิลปินที่มีความมุ่งมั่นในการังสรรค์งานศิลปะที่งดงามแปลกตาผสานวัฒนธรรมล้านนาได้อย่างกลมกลืน






ดอยตุง - พระตำหนักดอยตุง  สถานที่ท่องเที่ยวที่รายล้อมไปด้วยสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระตำหนักดอยตุง สวนพฤกษชาติ หรือวัดพระธาตุดอยตุงที่ตั้งอยู่บนดอย และยังห้อมล้อมด้วยสภาพแวดล้อมที่สวยงามมากมายและข้างบนยังมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่บนพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเชียงรายให้พุทธศาสนิกชนได้ไปกราบสักการะบูชาเพิ่มพูนความเป็นสิริมงคลให้กับตนเองอีกด้วย






วัดพระธาตุจอมปิง ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 บ้านจอมปิง ตำบลนาแก้ว อำเภอเกาะคา อยู่ห่างจากอำเภอเมืองลำปางไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ 26 กิโลเมตร ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าติโลกราชแห่งอาณาจักรล้านนาไทย  วัดพระธาตุจอมปิงเป็นวัดโบราณ วัดนี้มีความมหัศจรรย์ของการเกิดเงาสะท้อนเป็นภาพสีธรรมชาติขององค์พระธาตุ ผ่านรูเล็กบนหน้าต่างมาปรากฏบนพื้นภายในพระอุโบสถตลอดเวลาที่มีแสงสว่างทั้งกลางวันและกลางคืน และทางวัดยังจัดที่สำหรับแสดงโบราณวัตต่าง  ๆ ที่ขุดพบในบริเวณนี้ด้วย และภายในวัดมีพิพิธภัณฑ์วัดพระธาตุจอมปิง จัดแสดงเศียรพระพุทธรูป กำไลลูกปั้นหิน ชามตราไก่ ถ้วยที่ทำจากกระดูกสัตว์
การเดินทาง นั้นใช้เส้นทางเดียวกันกับวัดพระธาตุลำปางหลวง แต่แยกซ้ายตรงที่ว่าการอำเภอไปอีก 17 กิโลเมตร







อุทยานแห่งชาติดอยจง มีลักษณะเป็นภูเขาทอดยาวตามแนวทิศเหนือไปทางทิศตะวันตดเฉียงใต้มีเทือกเขาขนาดใหญ่เล็กหลายลูกสลับซับซ้อนกัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเล ระหว่าง 270 – 1300 เมตร เทือกเขาเหล่านี้เป็นต้นกำเนิดลำห้วยหลายสายไหลลงสู่แม่น้ำวังซึ่งเป็นแม่น้ำที่สำคัญของจังหวัดลำปางและยังเป็นแหล่งต้นน้ำสำหรับอ่างเก็บน้ำหลายแห่ง เช่น อ่างเก็บน้ำแม่ปราบอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ปู อ่างเก็บน้ำแม่ยอง อ่างเก็บน้ำแม่ทาย อ่างเก็บน้ำแม่กาดอ่างเก็บน้ำแม่อาบฯ โดยน้ำจากอ่างเก็บน้ำจะไหลลงสู่แม่น้ำวังเป็นประโยชน์ทางการเกษตรในอำเภอสบปราบ อำเภอเถินและอำเภอแม่พริกจังหวัดลำปาง






ทุ่งดอกบัวตอง ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
• ทุ่งบัวตองดอยแม่อูคอตั้งอยู่หมู่ที่ ตำบลแม่อูคอ อำเภอขุนยวมตามเส้นทางหมายเลข 108 (แม่ฮ่องสอน-ขุนยวม) ก่อนถึงตัวอำเภอประมาณ กิโลเมตรมีทางแยกซ้ายตามทางหลวงสาย 1263 เข้าสู่ทุ่งบัวตองอีก 26 กิโลเมตรเป็นถนนลาดยางมีพื้นที่ครอบคลุมเป็นเขากว้างประมาณ พันไร่อยู่ในความรับผิดชอบของโครงการพัฒนาป่าไม้ที่สูง หน่วยที่ กองอนุรักษ์ต้นน้ำ
• ดอกบัวตองบานดอกบัวตองที่นี่เมื่อบานพร้อมๆ กันในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเหลืองอร่ามปกคลุมทั่วทั้งภูเขา มีความสวยงามมาก นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าเต็นท์ค้างแรมบนดอย ซึ่งจะมีสถานที่สำหรับตั้งเต็นท์ได้ประมาณ 100 หลัง ผู้สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรง บริเวณหน่วยทำการบนทุ่งบัวตองหรือหากต้องการจองล่วงหน้าให้ติดต่อกับทางอำเภอขุนยวมโดยตรงและบริเวณด้านหลังจุดชมวิว ยังมีร้านอาหารไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
บ้านพัก-บริการ
• วนอุทยานทุ่งบัวตอง ไม่มีบ้านพักบริการแก่นักท่องเที่ยวหากมีความประสงค์จะไปพักแรมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ โปรดนำเต็นท์ไปกางเองแล้วไปติดต่อขออนุญาต ใช้สถานที่กับเจ้าหน้าที่วนอุทยานทุ่งบัวตองโดยตรง
แหล่งท่องเที่ยว
• ทุ่งบัวตองเป็นแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของจังหวัดแม่ฮ่องสอนมีจุดเด่นที่เป็นทุ่งที่มีดอกบัวตองซึ่งเป็นดอกไม้สีเหลืองขึ้นเป็นจำนวนมากอยู่บนภูเขาสูง เห็นวิวทิวทัศน์รอบๆทุ่งบัวตองเป็นภูเขาสลับซับซ้อนสวยงามมากมีอากาศเย็นตลอดปี มีหมอกปกคลุมในตอนเช้า
การเดินทาง
• รถยนต์ เส้นทางเข้าสู่ทุ่งบัวตองมี เส้นทาง คือ
• ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 108 ตรงหลักกิโลเมตรที่ 201 แยกเข้าทางหลวงหมายเลข1263 ไปประมาณ 12 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าทางสายบ้านนางิ้ว-บ้านหัวฮะ ไปอีก 14 กิโลเมตร
• จากอำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ตามทางหลวงหมายเลข 1263 (แม่แจ่ม-ขุนยวม)ถึงทางแยกเข้าบ้านนางิ้ว-บ้านหัวฮะ ระยะทาง 76 กิโลเมตร แล้วแยกเข้าไปอีก 14 กิโลเมตร







อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง  
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง มีพื้นที่ครอบคลุมท้องที่อำเภอแม่แตง อำเภอเชียงดาว อำเภอเวียงแหง จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงชันสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีจุดเด่นทางธรรมชาติที่สวยงามและจุดชมวิวที่สามารถชมบรรยากาศอันร่มรื่น โดยเฉพาะบริเวณห้วยน้ำดัง ที่มีชื่อว่าทะเลหมอกที่งดงามยิ่ง มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศไทย อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดังมียอดดอยที่มีธรรมชาติงดงามอีกหลายแห่ง เช่น ดอยช้าง ดอยสามหมื่น รวมทั้งมีโป่งเดือดซึ่งเป็นน้ำพุร้อนธรรมชาติ ส่วนการล่องแพในลำน้ำแม่แต่งก็เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 782,575 ไร่ หรือ 1,252.12 ตารางกิโลเมตร







สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ( ดอยอ่างขาง ) เป็นสถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวงตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,400 เมตร และมียอดดอยสูงถึง 1,928 เมตรพื้นที่รับผิดชอบประมาณ 26.52 ตารางกิโลเมตร หรือ 16,577 ไร่ จัดตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2512 ตามแนวพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ว่า ให้เขาช่วยตัวเอง” เปลี่ยนพื้นที่จากไร่ฝิ่นมาเป็นแปลงเกษตรเมืองหนาวที่สร้างรายได้ดีกว่าเก่าก่อน
ปัจจุบันดอยอ่างขาง ได้เปลี่ยนสภาพจากภูเขาซึ่งถูกตัดไม้ทำลายป่ามาเป็นพื้นที่อุดมสมบูรณ์มีพันธุ์ไม้ผลกว่า 12 ชนิด ผักเมืองหนาวกว่า 60 ชนิด และไม้ดอกเมืองหนาวมากกว่า 20 ชนิด สภาพอากาศเย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 16.9 องศาเซลเซียสมีชาวไทยภูเขาเผ่าจีนฮ่อ ไทยใหญ่ มูเซอดำ และปะหล่อง อาศัยอยู่โดยรอบกว่า 600 ครัวเรือนใน หมู่บ้าน
อากาศบน ดอยอ่างขางหนาวเย็นตลอดปีโดยเฉพาะในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมอากาศเย็นจนน้ำค้างกลายเป็นน้ำค้างแข็งนักท่องเที่ยวจึงควรเตรียมเครื่องกันหนาวมาให้พร้อม เช่น หมวก ถุงมือ ถุงเท้าเสื้อกันหนาว







อุทยานเเห่งชาติดอยอินทนนท์  ดอยอินทนนท์เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาหิมาลัยซึ่งมาสิ้นสุดที่นี่สิ่งที่น่าสนใจบนดอย ได้แก่ สภาพภูมิประเทศและสภาพป่าที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นป่าดงดิบ ป่าสน ป่าเบญจพรรณ และอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปีแหล่งท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้แก่ ยอดดอยอินทนนท์ เจดีย์พระนภเมทนีดลพระมหาธาตุนภพลภูมิสิริ น้ำตกแม่กลาง น้ำตกแม่ยะ น้ำตกสิริภูมิ น้ำตกวชิรธารเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติกิ่วแม่ปานและดอยอ่างการวมถึงกิจกรรมดูนก การเดินทางจากตัวเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 108 เชียงใหม่ -จอมทองถึงหลักกิโลเมตรที่ 57 ก่อนถึงอำเภอจอมทอง กิโลเมตรแยกขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1009 สายจอมทอง - อินทนนท์ ประมาณกิโลเมตรที่ 30 ถึงที่ทำการอุทยานฯ







พระบรมธาตุดอยสุเทพ  เป็นปูชนียสถานที่สำคัญยิ่งของเมืองเชียงใหม่ประดิษฐานอยู่บนดอยสุเทพ สูงจากระดับน้ำทะเล 1000 เมตรตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของตัวเมือง ห่างจากตัวเมืองเก่าประมาณ 10 กิโลเมตรสามารถมองเห็นจากตัวเมืองได้ชัดเจน และเมื่อขึ้นไปอยู่ที่พระบรมธาตุก็จะเห็นตัวเมืองเชียงใหม่ได้ทั้งหมดมีบันไดนาคเจ็ดเศียรทอดจากทางขึ้นไปถึงซุ้มประตูวัด จำนวน 300 ขั้นองค์พระบรมธาตุสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1916 โดยพระเจ้ากือนากษรัตริย์องค์ที่ ของราชวงค์เม็งราย เพื่อบรรจุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรของพระพุทธเจ้าต่อมาครูบาศรีวิชัยได้บอกบุญชักชวนชาวเหนือให้ช่วยกันสร้างถนนจากเชิงดอยไปจนถึงยอดดอย ณ ที่ตั้งพระบรมธาตุองค์พระบรมธาตุประดิษฐานอยู่ใต้ดินลึกลงไป ศอกดังนั้นจึงห้ามมิให้สตรีเข้าไปภายในฐานเจดีย์และก่อนที่จะเข้าสู่ภายในบริเวณองค์พระบรมธาตุต้องถอดรองเท้าไว้ที่เชิงบันไดเสียก่อน ในวันวิสาขบูชาของทุกปีหรือวันเพ็ญเดือน จะมีประเพณีการเดินขึ้นดอยสุเทพเป็นประจำเพื่อนมัสการพระธาตุดอยสุเทพถือเป็นสิริมงคลและได้กุศลแรง






        ขุนช่างเคี่ยน หรือสถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองจังหวัดเชียงใหม่   ตั้งอยู่ใน เส้นทาง เดียวกับพระธาตุดอยสุเทพพระตำหนักภูพิงค์ราชนิวเศน์ และบ้านม้งดอยปุย สถานีเกษตรที่สูง ขุนช่างเคี่ยนเป็น สถานี เกษตรฯ ของคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นสถานีวิจัยเกี่ยวกับเมล็ด พันธุ์กาแฟ  ไม้ผลเมืองหนาว เช่น ท้อ พลับ บ๊วย พลัมอะโวกาโด มะคาเดเมียและไม้ผลกึ่งร้อน ได้แก่ ลิ้นจี่ และในทุกๆปีของหน้าหนาวช่วงปลายธ.ค-ม.ค.แต่ในเนื่องการหลังๆ อากาศ เริ่ม แปรปรวนไปก่อนเดินทางต้องโทรสอบถามไปอีกครั้งว่าบานแล้วหรือยังต้นนางพญาเสือโคร่งหรือที่เรียกกันว่าซากุระเมืองไทย สีชมพูสดจะบานสะพรั่งอวดความงามไปทั่วบริเวณ สถานีวิจัยและศูนย์ฝึกอบรมเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยน หมู่บ้านชาวม้ง บ้าน ขุนช่างเคี่ยนเต็มไปด้วยสีชมพูของต้นนางพญาเสือโคร่งขึ้นอยู่มาก ทั้งตามข้างทางถึงในหมู่บ้าน
ต้นนางพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทยที่ขุนช่างเคี่ยนนั้นมีลักษณะเป็น ดงอยู่รวมกัน สีของซากุระนั้นบานเป็นสีชมพูสดใส แถมบางช่วงซากุระยังบานแทรกตัวอยู่ในหมู่บ้าน ตามบ้านเรือนดูแล้วมีชีวิตชีวาน่ายลยิ่งนักซึ่ง นักท่องเที่ยวสามารถมากางเต็นท์ได้ทั้งที่หน่วยดอยปุยและบริเวณสถานีเกษตรที่สูงขุนช่างเคี่ยนก็ได้เช่นกัน
ขุนช่างเคี่ยนถือเป็นแหล่งชม ดอกพญาเสือโคร่งที่  ที่อยู่ใกล้เมืองเชียงใหม่มากที่สุด ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นทุกปีเพราะดงดอกซากุระดอยที่ขุนช่างเคี่ยนมีความสวยงามไม่แพ้ใครดอกซากุระ (นางพญาเสือโคร่ง) จะบานเฉพาะฤดูหนาว ช่วงระหว่างปลายเดือนธันวาคม - ต้นเดือนมกราคมเท่านั้นซึ่งจะบานในระยะเวลาไม่นานดังนั้นควรตรวจสอบข้อมูลก่อนการเดินทางแล่วงเวลาที่ดอกพญาเสือโคร่งบานก่อนออกเดิน ทางนอกจากได้ชมดอกซากุระ เมืองไทยแล้ว ที่นี่ยังมีดอกท้อสีขาวบริสุทธิ์ที่อวดดอกออกช่อ แข่งกับดอกนาง พญาเสือโคร่ง อย่างไม่ขัดเขิน                                                                                                                                                                      
ที่พักที่ขุนช้างเคี่ยน
 มีบ้านพักและจุดกางเต็นท์ให้บริการอยู่ในความดูแลของศูนย์วิจัยและฝึกอบรมที่สูงคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ควรจองที่พักล่วงหน้าอย่างน้อย เดือน)บ้านพัก หลังละ 600 บาท พักได้ 3 -10 คน หากนำเต็นท์ไปเองเสียค่าบำรุงสถานที่เต็นท์หลังเล็ก 100 บาท หลังใหญ่ คนละ 50 บาท 
ผู้สนใจสามารถติดต่อที่พักและชำระเงินได้ที่ โทร. 053-222 014 ก่อนวันเข้าพักอาศัย (ในวันและเวลาราชการ)






          ภูชี้ฟ้าเป็นยอดเขาสูงที่สุดในเทือกเขาดอยผาหม่น อยู่ในพื้นที่เขตอำเภอเทิง จังหวัดเชียงรายมีเอกลักษณ์ทางธรรมชาติด้วยลักษณะหน้าผาปลายยอดแหลมเป็นแนวยาวที่ชี้ไปบนฟ้าทางฝั่งประเทศลาว จึงเป็นที่มาของชื่อเรียกว่า          "ภูชี้ฟ้า"นั่นเอง สำหรับไฮไลท์สำคัญของภูชี้ฟ้าต้องยกให้จุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกทั้งทิวทัศน์ของภูเขาสลับซับซ้อนดูกว้างไกล
          โดยในตอนเช้าจะมีทะเลหมอกปกคลุมในหุบเขาเบื้องล่าง มีพระอาทิตย์ขึ้นผ่านพ้นทะเลหมอกท่ามกลางทุ่งหญ้า แซมด้วยทุ่งดอกโคลงเคลง (ในช่วงฤดูฝนไปจนถึงฤดูหนาว)สวยงามราวกับภาพวาด อย่าบอกใครเชียว!!!  และหากรอจนสายหมอกถูกความร้อนระเหยหมดแล้วก็ยังคงมองเห็นสายน้ำโขงไหลคดเคี้ยวท่ามกลางป่าไม้ของฝั่งลาวที่เขียวสุดสมบูรณ์อีกด้วยและหากมาเที่ยวภูชี้ฟ้าในช่วงเดือนธันวาคม-มกราคมเส้นทางขึ้นภูชี้ฟ้าจะผ่านป่าซากุระหรือต้นพญาเสือโคร่งสีชมพูสวยงามมากอีกเช่นกัน






         ม่อนแจ่ม หรือดอยม่อนแจ่ม เป็นส่วนหนึ่งของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอยแหล่งท่องเที่ยวยอดฮิตของอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามมองเห็นวิวทิวเขาซับซับซ้อน แถมยามค่ำคืนฟากฟ้าแวดล้อมไปด้วยดวงดาราส่องแสงประกายระยิบระยับจึงไม่แปลกที่ผู้คนต่างก็อยากไปสัมผัสกับความงดงาม
          ทั้งนี้ม่อนแจ่ม สถานที่พักแห่งใหม่ของโครงการหลวง เพิ่งเปิดตัวไม่เมื่อปลายปี พ.ศ. 2552 เป็นพื้นที่บนสันเขาในระดับความสูงประมาณ 1,350 เมตร จากระดับน้ำทะเลโดยปรากฎโฉมในรูปแบบ "แคมปิ้ง รีสอร์ท"ที่กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างลงตัวพร้อมชูความเป็นส่วนตัวและความสะดวกสบาย เช่น ในเต็นท์มีบริเวณส่วนตัวมีห้องน้ำส่วนตัว น้ำร้อน ไฟฟ้า และเครื่องใช้ครบครัน ประหนึ่งอยู่ในห้องพักโรงแรมแต่พิเศษกว่าตรงที่ได้สัมผัสกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด เพราะเพียงแค่คุณเปิดหน้าต่างสายลมเย็น ๆ วิวขุนเขา สายหมอก ก็โผล่รอต้อนรับ แถมยามค่ำคืนดาวน้อยใหญ่จะค่อย ๆส่องประกายแวววับให้มองเพลิน ๆ